Breaking News

มีสาระดีดี มาให้คุณในทุกๆวัน

6.คำช่วย4/4 | บทที่35-40

 บทที่ 35 การใช้ だけ 

だけ เป็นคำช่วยเพื่อชี้ขอบเขตหรือกรอบที่จำกัด

私 の 友達 は 一人 だけ です
Watashi no tomodachi wa hitori dake desu
เพื่อนของฉันมีเพียงคนเดียวครับ/ค่ะ
しんちゃん だけ が 私 の 友達 です
Shinchan dake ga watashi no tomodachi desu
ชินจังเท่านั้นที่เป็นเพื่อนของฉันครับ/ค่ะ
本 が 二冊 だけ あります
Hon ga nisatsu dake arimasu
หนังสือมีเพียง 2 เล่มครับ/ค่ะ
私 だけ が 大学生 です
Watashi dake ga daidakusei desu
ฉันเท่านั้นที่เป็นนักศึกษาครับ/ค่ะ
山田さん が お肉 だけ を 食べます
Yamadasan ga oniku dake o tabemasu
คุณยามาดะทานเฉพาะเนื้อสัตว์เท่านั้นครับ/ค่ะ
お金 を 少し だけ 下さい
Okane o sukoshi dake kudasai
ขอเงินเพียงนิดหน่อยครับ/ค่ะ
今日 は 二時間 だけ 遊びます
Kyou wa nijikan dake asobimasu
วันนี้เล่นเพียง 2 ชั่วโมงครับ/ค่ะ
田中さん だけ が 来ません
Tanakasan dake ga kimasen
คุณทานากะเท่านั้นไม่มาครับ/ค่ะ


  คำอธิบาย

  • だけ เป็นคำช่วยเพื่อชี้กรอบหรือขอบเขตที่จำกัด ซึ่งตามปกติจะใช้กับประโยคบอกเล่า แต่ก็สามารถใช้ในประโยคปฏิเสธได้ด้วย เช่นตัวอย่างที่ ⑧
  • เป็นคำที่ใช้กับคำนามบางคำ เพื่อให้เป็นคำสุภาพ เช่น
    お金 : O kane : เงิน
    お水 : O mizu : น้ำ
    お茶 : O cha : น้ำชา
    お米 : O kome : ข้าวสาร
    お肉 : O niku : เนื้อสัตว์
    お魚 : O sakana : ปลา เนื้อปลา
    お酒 : O sake : เหล้า

 บทที่ 36 การใช้ しか 


しか เป็นคำช่วยเพื่อชี้กรอบหรือขอบเขตที่จำกัด โดยจะต้องใช้ในประโยครูปปฏิเสธเท่านั้น


私 は 野菜 しか 食べません
Watashi wa yasai shika tabemasen
ฉันทานเฉพาะผักเท่านั้นครับ/ค่ะ
田中先生 は 日本語 しか 分かりません
Tanaka sensei wa nihongo shika wakarimasen
อาจารย์ทานากะเข้าใจภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นครับ/ค่ะ
教室 に 私 一人 しか 居ません
Kyoushitsu ni watashi hitori shika imasen
ในห้องเรียนมีฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นครับ/ค่ะ
部屋 の 中 に ベッド と タンス しか ありません
Heya no naka ni beddo to tansu shika arimasen
ในห้องมีเพียงเตียงและตู้เท่านั้นครับ/ค่ะ

  คำอธิบาย

  • しか เป็นคำช่วยที่ต้องใช้กับประโยคในรูปปฏิเสธ
    แต่ในการแปลความหมาย จะแปลในลักษณะประโยคบอกเล่าธรรมดา
  • การใช้ しか、だけ ร่วมกับคำช่วยคำอื่น
      คำช่วยคำอื่น   しか  だけ 
    しかだけは
    しかだけ(が)
    としかとだけ
    しかだけ(を)
    にしかにだけ
    (へ)しか(へ)だけ
    でしかだけで
    からからしかからだけ
    まで までしか  までだけ 
    หมายเหตุ คำช่วยในวงเล็บจะมีหรือไม่มีก็ได้

 อ่านตรงนี้หน่อย

だけ และ しか มีความหมายในเชิงเดียวกัน หากใช้ร่วมกันทั้ง 2 คำ จะเป็นการซ้ำซ้อนหรือไม่ และถูกต้องหรือไม่ เช่น

友達 が 一人 だけ しか 居ません
Tomodachi ga hitori dake shika imasen
มีเพื่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น
คำตอบคือ การใช้ทั้ง だけ และ しか จะมีความหมายซ้ำซ้อนกัน ปกติจึงควรเลือกใช้เพียงคำใดคำหนึ่ง เช่น
友達 が 一人 だけ 居ます
Tomodachi ga hitori dake imasu
หรือ
友達 が 一人 しか 居ません
Tomodachi ga hitori shika imasen
  • แต่หากต้องการเน้นย้ำโดยใช้ทั้ง 2 คำร่วมกัน ก็ไม่ผิดไวยากรณ์แต่อย่างใด


 บทที่ 37 การใช้ くらい、ほど、ばかり 


くらい、ほど、ばかり เป็นคำช่วยเพื่อชี้ปริมาณคร่าวๆ


東京 から 大阪 まで 車 で どの くらい かかります か
Toukyou kara oosaka made kuruma de dono kurai kakarimasu ka
จากโตเกียวถึงโอซากาใช้เวลาโดยรถยนต์นานเท่าไรครับ/ค่ะ
東京 から 大阪 まで 車 で 六時間 くらい かかります
Toukyou kara oosaka made kuruma de rokujikan kurai kakarimasu
จากโตเกียวถึงโอซากาใช้เวลาโดยรถยนต์ประมาณ 6 ชั่วโมงครับ/ค่ะ
新幹線 で 二時間半 ほど かかります
Shinkansen de nijikanhan hodo kakarimasu
ใช้เวลาโดยรถไฟชินกังเซ็นประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งครับ/ค่ะ
飛行機 で 一時間 ばかり かかります
Hikouki de ichijikan bakari kakarimasu
ใช้เวลาโดยเครื่องบินประมาณ 1 ชั่วโมงครับ/ค่ะ
バンコク から チェンマイ まで いくら くらい かかります か
Bankoku kara chenmai made ikura kurai kakarimasu ka
จากกรุงเทพถึงเชียงใหม่ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไรครับ/ค่ะ
バンコク から チェンマイ まで 飛行機 で 2千バーツ くらい かかります
Bankoku kara chenmai made hikouki de nisen baatsu kurai kakarimasu
จากกรุงเทพถึงเชียงใหม่โดยเครื่องบินค่าใช้จ่ายประมาณ 2 พันบาทครับ/ค่ะ
夜行バス で 500バーツ ほど かかります
Yakou basu de gohyaku baatsu hodo kakarimasu
โดยรถโดยสารเที่ยวกลางคืนค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาทครับ/ค่ะ
寝台列車 でも 500バーツ ばかり かかります
Shindai ressha de mo gohyaku baatsu bakari kakarimasu
โดยรถไฟตู้นอนก็มีค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาทครับ/ค่ะ

  คำอธิบาย
  • くらい、ほど、ばかり เป็นคำช่วยเพื่อชี้ปริมาณ ซึ่งเป็นการพูดถึงโดยคร่าวๆ โดยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับจำนวน เวลา ราคา ระยะทาง หรืออย่างอื่นก็ได้


 บทที่ 38 การใช้ は (2) 


は เป็นคำช่วยเพื่อจำแนกความแตกต่างกับสิ่งอื่น


太陽  まぶしい です
Taiyou wa mabushii desu
ดวงอาทิตย์เจิดจ้าครับ/ค่ะ
この 映画  私 が 見ました
Kono eiga wa watashi ga mimashita
หนังเรื่องนี้ ฉันดูแล้วครับ/ค่ะ
山田さん は ここ に  来ません
Yamadasan wa koko ni wa kimasen
คุณยามาดะไม่ได้มาที่นี่ครับ/ค่ะ
犬  お母さん が えさ を あげました
Inu wa okaasan ga esa o agemasita
สุนัข คุณแม่ให้อาหารแล้วครับ/ค่ะ
私 は 日本 へ  行きます
Watashi wa nihon e wa ikimasu
ฉันจะไปญี่ปุ่นครับ/ค่ะ
彼 は 弟 と  話しません
Kare wa otouto to wa hanashimasen
เขาไม่พูดกับน้องชายครับ/ค่ะ
私 は 八時 から  勉強します
Watashi wa hachiji kara wa benkyou shimasu
จะเรียนตั้งแต่สองทุ่มครับ/ค่ะ
私 は 電車 で  行きません
Watashi wa densha de wa ikimasen
ฉันไม่ไปโดยรถไฟครับ/ค่ะ
私 は 川 で  泳ぎません
Watashi wa kawa de wa oyogimasen
ฉันไม่ว่ายน้ำในแม่น้ำครับ/ค่ะ
この バス は プーケット まで  行きません
Kono basu wa puuketto made wa ikimasen
รถเมล์คันนี้ไม่ไปถึงภูเก็ตครับ/ค่ะ


การใช้คำช่วยปกติการใช้ は เพื่อจำแนกความแตกต่าง
ดวงอาทิตย์เจิดจ้า太陽  まぶしい です
Taiyou ga mabushii desu
บอกเล่าสภาพตามปกติของดวงอาทิตย์
太陽  まぶしい です
Taiyou wa mabushii desu
ที่สว่างคือเจิดจ้าคือดวงอาทิตย์ แต่สิ่งอื่นไม่ทราบ
ฉันดูหนังเรื่องนี้แล้ว私 が この 映画  見ました
Watashi ga kono eiga o mimashita
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
この 映画  私 が 見ました
Kono eiga wa watashi ga mimashita
ที่ดูแล้วคือหนังเรื่องนี้ แต่หนังเรื่องอื่นยังไม่ทราบ
คุณยามาดะไม่มาที่นี่山田さん は ここ  来ません
Yamadasan wa koko ni kimasen
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
山田さん は ここ に は 来ません
Yamadasan wa koko ni wa kimasen
ที่นี่ไม่ได้มา แต่ที่อื่นไม่ทราบ
คุณแม่ให้อาหารสุนัขแล้วお母さん が 犬  えさ を あげました
Okaasan ga inu ni esa o agemashita
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
犬  お母さん が えさ を あげました
Inu wa okaasan ga esa o agemashita
ที่ให้อาหารแล้วคือสุนัข แต่สัตว์เลี้ยงอย่างอื่นไม่ทราบ
ฉันจะไปญี่ปุ่น私 は 日本  行きます
Watashi wa nihon e ikimasu
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
私 は 日本 へ は 行きます
Watashi wa nihon e wa ikimasu
สถานที่ที่จะไปคือญี่ปุ่น แต่ที่อื่นไม่ทราบ
เขาไม่พูดกับน้องชาย彼 は 弟  話しません
Kare wa otouto to hanashimasen
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
彼 は 弟 と は 話しません
Kare wa otouto to wa hanashimasen
คนที่ไม่พูดด้วยคือน้องชาย แต่กับคนอื่นไม่ทราบ
จะเรียนตั้งแต่สองทุ่ม私 は 八時 から 勉強します
Watashi wa hachiji kara wa benkyou shimasu
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
私 は 八時 から は 勉強します
Watashi wa hachiji kara wa benkyou shimasu
เริ่มเรียนตั้งแต่สองทุ่ม แต่เวลาอื่นไม่ทราบ
ฉันไม่ไปโดยรถไฟ私 は 電車  行きません
Watashi wa densha de wa ikimasen
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
私 は 電車 で は 行きません
Watashi wa densha de wa ikimasen
ยานพาหนะที่ไม่ใช้คือรถไฟ แต่อย่างอื่นไม่ทราบ
ฉันไม่ว่ายน้ำในแม่น้ำ私 は 川  泳ぎません
Watashi wa kawa de wa oyogimasen
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
私 は 川 で は 泳ぎません
Watashi wa kawa de wa oyogimasen
สถานที่ที่ไม่ว่ายน้ำคือแม่น้ำ แต่ที่อื่นไม่ทราบ
รถเมล์คันนี้ไม่ไปถึงภูเก็ตこの バス は プーケット まで 行きません
Kono basu wa puuketto made ikimasen
บอกเล่าเหตุการณ์ตามปกติ
この バス は プーケット まで は 行きません
Kono basu wa puuketto made wa ikimasen
สถานที่ที่ไปไม่ถึงคือภูเก็ต แต่ที่อื่นไม่ทราบ


  คำอธิบาย

  •  เป็นคำช่วยเพื่อจำแนกเรื่องนั้นออกเป็นพิเศษ ปกติจึงจะมีความหมายในเชิงเน้นย้ำ หรือเจาะจงเป็นพิเศษ
  • กรณีที่นำคำช่วย は ไปใช้ในวลีที่ใช้คำช่วย が、を、に จะนำคำช่วย は ไปแทนคำช่วย が、を、に เลย เพียงแต่ในกรณีนี้ จะย้ายวลีชุดนั้นไปไว้ข้างหน้าสุดในประโยค (に เฉพาะที่ชี้กรรมรอง)
  • ส่วนในกรณีที่นำคำช่วย は ไปใช้ในวลีที่ใช้คำช่วยอื่น เช่น に、へ、と、で、から、まで สามารถนำ は ไปวางไว้ท้ายคำช่วยนั้นๆได้เลย
 อ่านตรงนี้หน่อย

เนื่องจาก は เป็นคำช่วยเพื่อจำแนกความแตกต่าง ดังนั้น ใน 1 ประโยค จึงอาจจะมี は หลายๆครั้งก็ได้ เช่น
私 は 今日 は 友達 と は 学校 へ は 行きません
Watashi wa kyou wa tomodachi to wa gakkou e wa ikimasen
วันนี้ฉันจะไม่โรงเรียนกับเพื่อน

ซึ่งแม้ว่าจะไม่ผิดหลักไวยากรณ์ แต่ก็ไม่ใช่ประโยคที่เหมาะสมในการพูด


 บทที่ 39 การใช้คำช่วยต่อกัน 2 คำ 


คำช่วยบางคำ เช่น から、まで สามารถใช้ร่วมกับคำช่วยอื่นได้


ここ から が 危ない です
Koko kara ga abunai desu
จากตรงนี้ไปอันตรายครับ/ค่ะ
今 から が あなた の 番 です
Ima kara ga anata no ban desu
ตั้งแต่ตอนนี้ไปเป็นคิวของคุณครับ/ค่ะ
この 本 の 2ページ から 5ページ まで を コピー します
Kono hon no nipeeji kara gopeeji made o kopii shimasu
ถ่ายสำเนาหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่หน้าที่ 2 ถึงหน้าที่ 5 ครับ/ค่ะ
指先 から この 辺 まで が 痛い です
Yubisaki kara kono hen made ga itai desu
จากปลายนิ้วถึงบริเวณนี้เจ็บครับ/ค่ะ

  คำอธิบาย

  • คำช่วยแสดงสถานะ เช่น が、を、に、へ、と、で、や ปกติจะไม่ใช้ร่วมกัน 2 คำ แต่สำหรับคำช่วยแสดงสถานะ เช่น から และ まで สามารถใช้ร่วมกับคำช่วยบางคำได้

 บทที่ 40 การใช้คำว่า ~は~が~ 


~は~が~ มีการใช้งาน 2 รูปแบบดังนี้

①「หัวข้อเรื่อง」+ は +「ประธาน」+ が +「คุณศัพท์」+ です
②「ประธาน」+ は + 「กรรม」+ が+「คุณศัพท์」+ です
+「กริยา」+ ます

きりん  首  長い です
Kirin wa kubi ga nagai desu
ยีราฟ คอยาวครับ/ค่ะ
象  鼻  長い です
Zou wa hana ga nagai desu
ช้าง จมูก(งวง)ยาวครับ/ค่ะ
タイ  人々  親切 です
Tai wa hitobito ga shinsetsu desu
ประเทศไทย ผู้คนใจดีครับ/ค่ะ
日本  お寺  多い です
Nihon wa otera ga ooi desu
ประเทศญี่ปุ่น วัดมากครับ/ค่ะ
私  りんご  好き です
Watashi wa ringo ga suki desu
ฉันชอบแอปเปิ้ลครับ/ค่ะ
私  野菜  大嫌い です
Watashi wa yasai ga daikirai desu ka
ฉันเกลียดผักมากครับ/ค่ะ
私  テニス  上手 です
Watashi wa tenisu ga jouzu desu
ฉันเก่งเทนนิสครับ/ค่ะ
私  友達  たくさん ほしい です
Watashi wa tomodachi ga takusan hoshii desu
ฉันอยากได้เพื่อนเยอะๆครับ/ค่ะ
私  日本語  少し できます
Watashi wa nihongo ga sukoshi dekimasu
ฉันได้ภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อยครับ/ค่ะ
山田さん  タイ語  全く 分かりません
Yamadasan wa taigo ga mattaku wakarimasen
คุณยามาดะไม่เข้าใจภาษาไทยเลยครับ/ค่ะ
私  お金  いっぱい あります
Watashi wa okane ga ippai arimasu
ฉันมีเงินเยอะครับ/ค่ะ
私  友達  全然 居ません
Watashi wa tomodachi ga zenzen imasen
ฉันไม่มีเพื่อนเลยครับ/ค่ะ
  คำอธิบาย

  • ตัวอย่างที่ ①-④ มีโครงสร้างคือ
    「หัวข้อเรื่อง」+ は +「ประธาน」+ が +「คุณศัพท์」+ です
    โดย は ทำหน้าที่ชี้หัวข้อเรื่องที่กำลังพูดถึง
    ส่วน が ทำหน้าที่ชี้ประธาน โดยมีคำคุณศัพท์เป็นภาคแสดง
    ซึ่งเป็นโครงสร้างประโยคที่เหมือนกับภาษาไทย เช่น
    ยีราฟคอยาว ช้างงวงยาว ฉันผมสั้น คุณผิวสวย โตเกียวของแพง กรุงเทพอากาศร้อน
  • ตัวอย่างที่ ⑤-⑧ มีโครงสร้างคือ
    「ประธาน」+ は +「กรรม」+ が +「คุณศัพท์」+ です

    โดย が เป็นคำช่วยชี้กรรม
    ส่วนคำคุณศัพท์ จะเป็นคำที่เกี่ยวกับอารมณ์หรือความสามารถ เช่น
    • ชอบ เกลียด เก่ง ไม่เก่ง ต้องการ จำเป็น

    โครงสร้างประโยคในรูปแบบนี้ ผิดจากที่เคยศึกษามาก่อนหน้านี้ คือ
    คำคุณศัพท์เหล่านี้ทำหน้าที่เสมือนคำกริยา โดยมี が เป็นคำช่วยชี้กรรม


    คำคุณศัพท์
    คำกริยา
    ฉันชอบอาหารรสหวาน私 は 甘い 料理 が 好き です
    Watashi wa amai ryouri ga suki desu
    私 は 甘い 料理 を 好みます
    Watashi wa amai ryouri o konomimasu
    ฉันเกลียดอาหารรสเผ็ด私 は 辛い 料理 が 嫌い です
    Watashi wa karai ryouri ga kirai desu
    私 は 辛い 料理 を 嫌います
    Watashi wa karai ryouri o kiraimasu
  • ตัวอย่างที่ ⑨-⑫ มีโครงสร้างคือ
    「ประธาน」+ は +「กรรม」+ が +「กริยา」+ ます

    โดย が เป็นคำช่วยชี้กรรม
    ส่วนคำกริยา จะเป็นคำที่แสดงความสามารถหรือแสดงการครอบครอง เช่น
    • ทำได้ ทำไม่ได้ เข้าใจ ไม่เข้าใจ มี ไม่มี

    โครงสร้างประโยคในรูปแบบนี้ ก็แตกต่างจากที่เคยศึกษามาก่อนหน้านี้ คือ
    จะใช้ が เป็นคำช่วยชี้กรรม
    แทนที่จะใช้ を เป็นคำช่วยชี้กรรมเหมือนกับกรณีปกติ

 อ่านตรงนี้หน่อย

บางครั้งเราอาจเคยได้ยินคนญี่ปุ่นพูดประโยค ~は~が~ โดยไม่ใช้คำช่วยใดๆเลย เช่น
私 タイ人 好き : Watashi taijin suki : ฉันชอบคนไทยครับ/ค่ะ
  • แต่ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า กรณีที่ยังไม่ได้ศึกษาไวยากรณ์อย่างแตกฉาน ยังไม่ควรพูดในลักษณะนี้ เพราะหากใช้คำช่วยในประโยคสั้นๆได้ไม่ถูกต้อง ในอนาคตจะไม่สามารถผูกประโยคยาวๆ ซึ่งต้องใช้คำช่วยที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้