Breaking News

มีสาระดีดี มาให้คุณในทุกๆวัน

6.คำช่วย2/4 | บทที่25-29

 บทที่ 25 การใช้ と


と เป็นคำช่วยเพื่อ ① เชื่อมคำนามที่มีสถานะเท่ากัน ② ชี้บุุคคลที่ร่วมกระทำกัน โดยมีรูปแบบการใช้งาน คือ

「ประธาน 1」と「ประธาน 2」+ は +「คำนาม」+ です
+ は +「คุณศัพท์」+ です
+ が +「กริยา」+ ます
「ประธาน」+ は +「คำนาม 1」と「คำนาม 2」+ です

「ประธาน」+ が +「บุคคล」+ と +「กริยา」+ ます


きゅうり  トマト は 野菜 です。
Kyuuri to tomato wa yasai desu
แตงกวาและมะเขือเทศเป็นผักครับ/ค่ะ
みかん  りんご も 野菜 です か。
Mikan to ringo mo yasai desu ka
ส้มและแอปเปิ้ลก็เป็นผักหรือครับ/ค่ะ
いいえ、みかん  りんご は 果物 です。
Iie, Mikan to ringo wa kudamono desu
ไม่ ส้มและแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ครับ/ค่ะ
これ は ニンジン  ネギ です。
Kore wa ninjin to negi desu
นี่คือแครอทและต้นหอมครับ/ค่ะ
中国  インド は 広い です
Chuugoku to Indo wa hiroi desu
ประเทศ่จีนกับประเทศอินเดียกว้างครับ/ค่ะ
シンガポール  台湾 も 広い です か
Singapooru to Taiwan mo hiroi desu ka
ประเทศสิงคโปร์กับประเทศไต้หวันก็กว้างหรือครับ/ค่ะ
いいえ、シンガポール  台湾 は 広く ありません
Iie, Singapooru to Taiwan wa hiroku arimasen
ไม่ ประเทศสิงคโปร์กับประเทศไต้หวันไม่กว้างครับ/ค่ะ
シンガポール  台湾 は 狭い です
Singapooru to Taiwan wa semai desu
私  お兄さん  お姉さん が 勉強 します
Watashi to oniisan to oneesan ga benkyou shimasu
ฉันกับพี่ชายและพี่สาวเรียนหนังสือครับ/ค่ะ
弟  妹 も 勉強 します か
Otouto to imouto mo benkyou shimasu ka
น้องชายกับน้องสาวก็เรียนหรือครับ/ค่ะ
いいえ、弟  妹 は 勉強 しません
Iie, Otouto to imouto wa benkyou shimasen
น้องชายกับน้องสาวไม่เรียนครับ/ค่ะ
弟  妹 は 遊びます
Otouto to imouto wa asobimasu
น้องชายกับน้องสาวเล่นครับ/ค่ะ
私 は 彼 と 結婚 します
Watashi wa kare to kekkon shimasu
ฉันจะแต่งงานกับเขาค่ะ
お父さん が お母さん と 話します
Otousan ga okaasan to hanashi masu
คุณพ่อคุยกับคุณแม่ครับ/ค่ะ
お兄さん は 友達 と 一緒に 帰ります
Oniisan wa tomodachi to issho ni kaerimasu
พี่ชายกลับบ้านพร้อมกับเพื่อนครับ/ค่ะ
妹 は 毎日 お母さん と 一緒に 寝ます
Imouto wa mainichi okaasan to issho ni nemasu
น้องสาวนอนด้วยกันกับคุณแม่ทุกวันครับ/ค่ะ

 คำอธิบาย
  • と เป็นคำช่วยเพื่อ
    1. ใช้เชื่อมคำนามตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป โดยคำนามนั้นจะเป็นประธานของประโยค หรืออยู่ในสถานะอื่นก็ได้ ตามตัวอย่างที่ ①-⑫
    2. เพื่อชี้บุคคลที่มีการกระทำร่วมกัน ตามตัวอย่างที่ ⑬-⑯
  • 一緒に : isshoni เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำกริยา มีความหมายว่า "ด้วยกัน พร้อมกัน" ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับคำว่า と จะมีความหมายว่า "~ทำด้วยกันกับ~"

 อ่านตรงนี้หน่อย

กรณีที่ใช้ と เพื่อเชื่อมคำหลายๆคำ ควรใช้ そして เป็นคำเชื่อมตัวสุดท้าย เช่น
  • みかん と りんご と いちご そして ぶどう は 果物 です
    Mikan to ringo to ichigo soshite budou wa kudamono desu
    ส้มและแอปเปิ้ลและสตรอเบอรี่และองุ่นเป็นผลไม้

 บทที่ 26 การใช้ や 


や เป็นคำเชื่อมคำนามที่มีสถานะเท่ากัน โดยมีนัยยะว่าเป็นการยกมาพูดบางส่วน
「ประธาน 1」や「ประธาน 2」+ は +「คำนาม」+ です
+ は +「คุณศัพท์」+ です
+ が +「กริยา」+ ます
「ประธาน」+ は +「คำนาม 1」や「คำนาม 2」+ です



パタヤ  プーケット は タイ の 観光地 です。
Patayaa ya puuketto wa tai no kankouchi desu
พัทยาภูเก็ตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยครับ/ค่ะ
牛  馬  象 は 動物 です。
Ushi ya uma ya zou wa doubutsu desu
วัว ม้า ช้าง เป็นสัตว์ครับ/ค่ะ
私 の 友達 は ソムチャイ さん  クンラヤー さん です。
Watashi no tomodachi wa Somuchai san ya Kunrayaa san desu
เพื่อนของฉันได้แก่คุณสมชายและคุณกุลยาครับ/ค่ะ
日本 の 都市 の 名前 は 東京  大阪 など です。
Nihon no toshi no namae wa toukyou ya oosaka nado desu
ชื่อเมืองของประเทศญี่ปุ่นได้แก่โตเกียวและโอซากา เป็นต้น ครับ/ค่ะ
日本 の カレー  ラーメン は おいしい です
Nihon no karee ya raamen wa oishii desu
แกงกะหรี่และราเมงของญี่ปุ่นอร่อย
子猫  子犬 は かわいい です
Koneko ya koinu wa kawaii desu
ลูกแมวลูกหมาน่ารัก
図書館  美術館 は 静か です
Toshokan ya bijutsukan wa shizuka desu
ห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์เงียบ
田中さん  山田さん は 元気 です
Tanakasan ya Yamadasan wa genki desu
คุณทานากะคุณยามาดะสบายดี
お兄さん  お姉さん が 泳ぎます
Oniisan ya oneesan ga oyogimasu
พี่ชายพี่สาวว่ายน้ำ
おじさん  おばさん が 散歩 します
Ojisan ya obasan ga sanpo shimasu
คุณลุงคุณป้าเดินเล่น
本  ノート など が あります
Hon ya nooto nado ga arimasu
สมุดหนังสือ เป็นต้น อยู่
ライオン  キリン など が います
Raion ya kirin nado ga imasu
สิงโตและยีราฟ เป็นต้น อยู่

คำอธิบาย
  • や เป็นคำช่วย เพื่อเชื่อมคำนามที่มีสถานะเท่าเทียมกันตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป โดยมีความหมายเป็นนัยยะว่าสิ่งที่กล่าวถึงนั้นเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ยังมีสิ่งอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึงอยู่อีก
  • など เป็นคำช่วยเพื่อแสดงว่าเป็นเพียงการยกตัวอย่างบางรายการ อธิบายรายละเอียดไว้ตาม link บทที่ 90 การยกตัวอย่าง ~など

บทที่ 27 การใช้ を


を เป็นคำช่วยเพื่อระบุกรรม สถานที่เริ่มต้นการเดินทางหรือเดินทางผ่าน หรือบุุคคลที่ถูกกระทำ


「ประธาน」+ が +「กรรม」
「สถานที่」
「บุคคล」
+ を +「กริยา」+ ます

お兄さん が テレビ  見ます
Oniisan ga terebi o mimasu
พี่ชายดูทีวีครับ/ค่ะ
弟 が 本  読みます
Otouto ga hon o yomimasu
น้องชายอ่านหนังสือครับ/ค่ะ
お母さん が かぜ  引きます
Okaasan ga kaze o hikimasu
คุณแม่เป็นหวัดครับ/ค่ะ
おばあさん が 気  失います
Obaasan ga ki o ushinaimasu
คุณยายหมดสติครับ/ค่ะ
子供 が 道路  渡ります
Kodomo ga douro o watarimasu
เด็กข้ามถนนครับ/ค่ะ
弟 が 廊下  走ります
Otouto ga rouka o hashirimasu
น้องชายวิ่งตามระเบียงครับ/ค่ะ
先生 が 教室  出ます
Sensei ga kyoushitsu o demasu
อาจารย์ออกจากห้องเรียนครับ/ค่ะ
飛行機 が 空港  出発します
Hikouki ga kuukou o shuppatsu shimasu
เครื่องบินออกเดินทางจากสนามบินครับ/ค่ะ
彼 が 友達 を 笑わせます
Kare ga tomodachi o warawasemasu
เขาทำให้เพื่อนหัวเราะ
店員 が お客さん を 満足させます
Ten-in ga okyakusan o manzoku sasemasu
พนักงานทำให้ลูกค้าพึงพอใจครับ/ค่ะ
彼女 を 喜ばせます
Kanojo o yorokobasemasu
ทำให้เธอมีความสุขครับ/ค่ะ
  คำอธิบาย

を เป็นคำช่วยซึ่งมีการใช้งาน ดังนี้
  • ชี้กรรมซึ่งเป็นการกระทำโดยตรง เช่น ทานข้าว ดื่มน้ำ เขียนหนังสือ ตามตัวอย่างที่ ①-②
  • ชี้กรรมสิ่งเป็นการกระทำเชิงนามธรรม ตามตัวอย่างที่ ③-④)
  • ชี้สถานที่ซึ่งเป็นเส้นทางในการเดินทาง โดยมีคำกริยาเป็นอกรรมกริยา เช่น เดินข้ามถนน วิ่งตามระเบียง ตามตัวอย่างที่ ⑤-⑥
  • ชี้สถานที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง โดยมีคำกริยาเป็นอกรรมกริยา เช่น ออกจากห้อง ออกจากบ้าน ตามตัวอย่างที่ ⑦-⑧
  • ชี้บุคคลที่ถูกกระทำ เช่น ทำให้เขาโกรธ ทำให้เธอมีความสุข ตามตัวอย่างที่ ⑨-⑪
อ่านตรงนี้หน่อย

  • ทำไมประโยคในภาษาญี่ปุ่นจึงไม่เรียงคำเหมือนกับภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ

    เช่น ฉันทานข้าว ทำไมในภาษาญี่ปุ่น จึงใช้ว่า ฉัน ข้าว ทาน
    เรื่องนี้อธิบายได้ไม่ยาก

    ประโยคในภาษาญี่ปุ่นมีโครงสร้างพื้นฐาน 2 ส่วน คือ 1)ส่วนที่เป็นประธาน และ 2)ส่วนที่เป็นภาคแสดง
    ประโยค "ฉันทานข้าว" มีส่วนที่เป็นประธาน คือ "ฉัน" และส่วนที่เป็นภาคแสดง คือ "ทาน"

    ในภาษาญี่ปุ่น วลีที่ขยายประธาน จะต้องวางไว้หน้าประธาน และวลีที่ขยายภาคแสดง จะต้องวางไว้หน้าภาคแสดงเสมอ
    ดังนั้น "ข้าว" ซึ่งเป็นวลีที่ขยายภาคแสดง จึงต้องวางไว้หน้าคำว่า "ทาน" นั่นเอง
  • เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้น ขอยกตัวอย่างประโยค คือ "ฉันดื่มน้ำเย็น"

    คำว่า "เย็น : tsumetai" เป็นคำคุณศัพท์ขยาย "น้ำ : mizu" จึงต้องนำคำว่า "เย็น" ไปวางไว้หน้า "น้ำ"
    คำว่า "น้ำเย็น" จึงต้องพูดว่า --> つめたい みず tsumetai mizu

    แต่ "น้ำเย็น" ก็เป็นส่วนที่ขยายภาคแสดงคือ "ดื่ม : nomimasu" ดังนั้น จึงต้องนำคำว่า "น้ำเย็น" ไปไว้หน้า "ดื่ม" อีกต่อหนึ่ง

    ฉันดื่มน้ำเย็น จึงต้องพูดว่า 私 は つめたい 水 を 飲みます Watashi wa tsumetai mizu o nomimasu

 บทที่ 28 การใช้ に 

に เป็นคำช่วยที่มีลักษณะการใช้งานหลายรูปแบบ เช่น ใช้ชี้สถานที่ เวลา หรือบุคคล

「ประธาน」+ が +「สถานที่」
「เวลา」
「บุคคล 」
+ に +「กริยา」+ ます

お父さん が 会社  行きます
Otousan ga kaisha ni ikimasu
คุณพ่อไปบริษัทครับ/ค่ะ
おじいさん が 電車  乗ります
Ojiisan ga densha ni norimasu
คุณปู่ขึ้นรถไฟครับ/ค่ะ
お客さん が 家  来ます
Okyakusan ga ie ni kimasu
แขกมาที่บ้านครับ/ค่ะ
先生 が 部屋  戻ります
Sensei ga heya ni modorimasu
อาจารย์กลับห้องครับ/ค่ะ
ノート が 机 の 上  あります
Nooto ga tsukue no ue ni arimasu
สมุดอยู่บนโต๊ะครับ/ค่ะ
先生 が 本 を 机 の 上  置きます
Sensei ga hon o tsukue no ue ni okimasu
อาจารย์วางหนังสือบนโต๊ะครับ/ค่ะ
お父さん が 会社  居ます
Otousan ga kaisha ni imasu
คุณพ่ออยู่ที่บริษัทครับ/ค่ะ
おばあさん が 台所  居ます
Obaasan ga daidokoro ni imasu
คุณยายอยู่ในครัวครับ/ค่ะ
お母さん が 毎日 6時  起きます
Okaasan ga mainichi rokuji ni okimasu
คุณแม่ตื่นเวลา 6 โมงเช้าทุกวันครับ/ค่ะ
お父さん が 7時  出かけます
Otousan ga shichiji ni dekakemasu
คุณพ่อออกจากบ้านตอน 7 โมงเช้าครับ/ค่ะ
お兄さん が 9時  帰ります
Oniisan ga kuji ni kaerimasu
พี่ชายกลับมาตอน 3 ทุ่มครับ/ค่ะ
弟 が 10時  寝ます
Otouto ga juuji ni nemasu
น้องชายนอนตอน 4 ทุ่มครับ/ค่ะ
先生  質問 を します
Sensei ni shitsumon o shimasu
ถามคำถามอาจารย์ครับ/ค่ะ
お母さん  お小遣い を もらいます
Okaasan ni okotzukai o moraimasu
ได้เงินค่าขนมจากคุณแม่ครับ/ค่ะ
友達  電話番号 を 教えます
Tomodachi ni denwa bangou o oshiemasu
บอกเบอร์โทรศัพท์แก่เพื่อนครับ/ค่ะ
弟 が 犬  えさ を あげます
Otouto ga inu ni esa o agemasu
น้องชายให้อาหารสุนัขครับ/ค่ะ

คำอธิบาย

  • に เป็นคำช่วยซึ่งมีลักษณะการใช้งานหลากหลาย เช่น
    • ชี้สถานที่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง เช่น
      ไปโรงเรียน กลับบ้าน มาเมืองไทย ขึ้นรถไฟ ตามตัวอย่างที่ ①-④
    • ชี้สถานที่ซึ่งผลของการกระทำเหลืออยู่ (หรืออาจจะคิดว่าเป็นจุดหมายปลายทางซึ่งไม่ต้องมีการเดินทางก็ได้)เช่น
      อยู่ที่บ้าน วางบนโต๊ะ นั่งบนเก้าอี้ ยืนข้างเพื่อน ตามตัวอย่างที่ ⑤-⑧
    • ชี้เวลาที่เกิดการกระทำ เช่น
      ตื่นเวลา 6 โมง นอนเวลา 4 ทุ่ม ตามตัวอย่างที่ ⑨-⑫
    • ชี้บุุคคลหรือสิ่งที่เป็นคู่กรณี เช่น
      ให้ของขวัญเพื่อน ได้เงินจากคุณแม่ ให้อาหารสุนัข รดน้ำต้นไม้ ตามตัวอย่าง ⑬-⑯
  • นอกจากนี้ に ยังมีที่ใช้งานในกรณีอื่นอีก เช่น
    • ชี้สิ่งที่เป็นฐานเปรียบเทียบ เช่น
      彼 が お兄さん に 似ています
      Kare ga oniisan ni nite imasu
      เขาคล้ายกับพี่ชาย
    • ชี้สิ่งที่เป็นสาเหตุ เช่น
      お母さん が 雷 の 音 に びっくり しました
      Okaasan ga kaminari no oto ni bikkuri shimashita
      คุณแม่ตกใจเสียงฟ้าร้อง
    • ชี้ผลที่เปลี่ยนแปลง เช่น
      お父さん が 普段着 に 着替えました
      Otousan ga fudangi ni kigaemashita
      คุณพ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่กับบ้าน
    • ชี้บุุคคลที่ถูกกระทำ ในสำนวนประโยคที่เป็นการสั่งให้ทำ/ใช้ให้ทำ เช่น
      お母さん が 弟 に 部屋 を 掃除 させます
      Okaasan ga otouto ni heya wo souji sasemasu
      คุณแม่ให้น้องชายทำความสะอาดห้อง
      患者に薬を飲ませた
      kanja ni kusuri o nomaseta
      ให้คนไข้ทานยา
    • ชี้บุุคคลที่กระทำ ในสำนวนประโยคที่เป็นการถูกกระทำ เช่น
      お兄さん が お父さん に 怒られます
      Oniisan ga otousan ni okoraremasu
      พี่ชายถูกคุณพ่อดุ
      先生に薬を飲まされた
      sensei ni kusuri o nomasareta
      ถูกคุณหมอให้ทานยา

 บทที่ 29 การใช้ へ 

へ เป็นคำช่วยเพื่อระบุทิศทาง โดยมีรูปแบบการใช้งาน คือ

「ประธาน」+ が +「ทิศทาง」+ へ +「กริยา」+ ます


  • คำช่วย へ อ่านว่า e เป็นคำช่วยเพื่อชี้ทิศทางของการเคลื่อนที่ เช่น
    ไปทางเหนือ ไปทางโน้น มาทางนี้
  • กรณีที่ใช้ へ กับสถานที่ จะมีความหมายเช่นเดียวกันกับการใช้ に ซึ่งชี้จุดหมายปลายทาง เช่น
    私 は 学校 へ 行きます : Watashi wa gakkou e ikimasu
    私 は 学校 に 行きます : Watashi wa gakkou ni ikimasu
    ทั้ง 2 กรณีมีความหมายเหมือนกัน คือ ฉันไปโรงเรียน
  • นอกจากนี้ へ ยังใช้เป็นคำขึ้นต้นในการเขียนจดหมายด้วย เช่น หากเขียนจดหมายถึงคุณทานากะ จะเริ่มต้นด้วยคำว่า
    田中さんへ (Tanakasan e) ซึ่งหมายความว่า ถึงคุณทานากะ หรือเรียนคุณทานากะ
    และจะจบท้ายจดหมายด้วยคำว่า より เช่น
    ソムチャイより (Somuchai yori) ซึ่งหมายความว่า จากสมชาย

船 が 南 へ 向かいます
Fune ga minami e mukaimasu
เรือมุ่งไปทางใต้ครับ/ค่ะ
雲 が 東 へ 流れます
Kumo ga higashi e nagaremasu
เมฆลอยไปทางตะวันออกครับ/ค่ะ
どこ へ 行きます か
Doko e ikimasu ka
จะไปไหนครับ/ค่ะ
学校 へ 行きます
Gakkou e ikimasu
จะไปโรงเรียนครับ/ค่ะ

  คำอธิบาย

  • คำช่วย へ อ่านว่า e เป็นคำช่วยเพื่อชี้ทิศทางของการเคลื่อนที่ เช่น
    ไปทางเหนือ ไปทางโน้น มาทางนี้
  • กรณีที่ใช้ へ กับสถานที่ จะมีความหมายเช่นเดียวกันกับการใช้ に ซึ่งชี้จุดหมายปลายทาง เช่น
    私 は 学校  行きます : Watashi wa gakkou e ikimasu
    私 は 学校  行きます : Watashi wa gakkou ni ikimasu
    ทั้ง 2 กรณีมีความหมายเหมือนกัน คือ ฉันไปโรงเรียน
  • นอกจากนี้ へ ยังใช้เป็นคำขึ้นต้นในการเขียนจดหมายด้วย เช่น หากเขียนจดหมายถึงคุณทานากะ จะเริ่มต้นด้วยคำว่า
    田中さんへ (Tanakasan e) ซึ่งหมายความว่า ถึงคุณทานากะ หรือเรียนคุณทานากะ
    และจะจบท้ายจดหมายด้วยคำว่า より เช่น
    ソムチャイより (Somuchai yori) ซึ่งหมายความว่า จากสมชาย
 อ่านตรงนี้หน่อย

ทำไมคำช่วย へ (he) จึงอ่านออกเสียงว่า e

へ เป็นคำช่วยที่ใช้ชี้ทิศทาง ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า 辺 (he)
ซึ่งแปลว่าบริเวณใกล้ๆกับสิ่งนั้น หรือทิศทางไปยังสิ่งนั้น

ในอดีตคำช่วย へ ก็อ่านว่า he

แต่เนื่องจากการนำคำช่วย へ ไปต่อท้ายคำซึ่งลงท้ายด้วยตัวสะกด เช่น Nihon he หรือ Tanakasan he
จะทำให้การออกเสียง he ไม่สะดวก ดังนั้น เสียง he จึงค่อยๆเพี้ยนไป จนกลายเป็นเสียง e ในที่สุด

ปัจจุบัน ในภาษาเขียน จึงใช้คำช่วยว่า へ แต่จะอ่านออกเสียงเป็น e